บอบแคต

Bobcat, Red Lynx

Lynx rufus

ลักษณะทั่วไป


บอบแคต เป็นแมวที่มีรูปร่างโดดเด่นจดจำง่าย รูปร่างกำยำล่ำสัน ขนหนานุ่ม สีสันหลากหลาย ตั้งแต่เทาอ่อนจนถึงน้ำตาลแดง มีลายบั้งและลายจุดสีเข้มกระจายอยู่ทั่วตัว ขนบริเวณสันหลังเข้มกว่าส่วนใต้ท้อง บางตัวอาจมีลายเฉพาะที่หน้าท้อง นอกจากนี้ก็ยังมีรายงานพบบอบแคตดำและบอบแคตเผือกด้วย บอบแคตดำพบได้เฉพาะในรัฐฟลอริดาเท่านั้น

หางของบอบแคตสั้นมากเมื่อเทียบกับลำตัว ยาวเพียงประมาณ 13-20 เซนติเมตร ซึ่งยาวเพียง 13-16 เปอร์เซ็นต์ของความยาวหัว-ลำตัว มีลายปล้องจาง ๆ ปลายหางด้านบนสีดำ ขาหลังยาวกว่าขาหน้าเล็กน้อย หัวไหล่ค่อนข้างสูง ใบหูใหญ่ หลังหูสีดำ กลางหลังใบหูสีขาว ขนปลายหูยาว ขนข้างแก้มยาว ม่านตาสีน้ำตาลอ่อน 

บอบแคตตัวผู้หนัก 8.9-13.3 กิโลกรัม ตัวเมียหนัก 5.8-9.2 กิโลกรัม บอบแคตที่อยู่ทางเหนือตัวใหญ่กว่าที่อยู่ทางใต้ ตัวที่อยู่ทางใต้จะตัวเล็กและสีเข้มกว่า ตัวที่ใหญ่ที่สุดพบได้ในแคนาดา ส่วนตัวที่เล็กที่สุดพบได้ในเมกซิโก บอบแคตที่อาศัยในบริเวณพื้นที่เปิดมีแนวโน้มจะตัวใหญ่กว่าบอบแคตที่อยู่ในพื้นที่ป่าทึบ

บอบแคต (ภาพโดย Animal Diversity Web)



บอบแคตมีรูปร่างทั่วไปคล้ายลิงซ์ และมีพื้นที่อาศัยร่วมกับลิงซ์แคนาดา (Lynx canadensisในบางแห่ง ทำให้บางคนอาจสับสนระหว่างแมวสองชนิดนี้ เปรียบเทียบกับลิงซ์แคนาดาแล้ว บอบแคตตัวเล็กกว่า ขาหลังสั้นกว่า ขนในใบหูมีน้อยกว่า ขนปลายหูสั้นกว่าหรือบางตัวอาจไม่มี แผงขนที่แก้มน้อยกว่า อุ้งตีนเล็กกว่ามาก ที่ปลายหางมีแต้มดำเฉพาะด้านบนซึ่งต่างจากลิงซ์ที่ดำทั่วทั้งปลายหาง ขนลำตัวมีลายเด่นชัดและหลากหลายกว่า สีสันก็หลากหลายมากกว่าด้วย

แม้บอบแคตจะดูคล้ายกับลิงซ์และมีเขตกระจายพันธุ์ทับซ้อนกับลิงซ์แคนาดา แต่บอบแคตกลับมีสายเลือดใกล้ชิดกับลิงซ์ยุโรปและลิงซ์สเปนมากกว่า บรรพบุรุษของบอบแคตอพยพจากเอเชียมาสู่ดินแดนอเมริกาเหนือก่อนลิงซ์แคนาดา คาดว่าเดิมบอบแคตเคยมีขนาดใหญ่กว่าปัจจุบันมาก แต่ได้ปรับตัวให้มีขนาดเล็กลงซึ่งเป็นผลจากการแข่งขันกับเสือพูมา

ชื่อเรียกบอบแคตในภาษาต่าง 
อังกฤษBobcat, Red Lynx
ฝรั่งเศสlynx roux, chat sauvage
เยอรมันRotluchs, Luchskatz
สเปนlince, lince rojo, gato montés


ถิ่นที่อยู่อาศัยและเขตกระจายพันธุ์

บอบแคตอาศัยในทวีปอเมริกาเหนือ พบได้ในภูมิประเทศทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นป่าเซจบรัช ทะเลทราย เทือกเขาสูง ป่าสน ป่าชุ่มชื้น ป่าบึง จนถึงป่าฝน ไม่พบในละติจูดสูงซึ่งมีหิมะหนาปกคลุม พบได้ถึงระดับความสูง 2,575 เมตร 

เขตกระจายพันธุ์ของบอบแคต 


ในปัจจุบันเขตกระจายพันธุ์ของบอบแคตลดลงมาก พบได้เพียงในตอนใต้ของแคนาดา จนถึงตะวันตกของสหรัฐอเมริกา ในเม็กซิโกพบได้แต่น้อยมาก ในเขตมิดเวสเทิร์นของสหรัฐอเมริกาแทบไม่เหลือแล้วซึ่งเป็นผลจากการล่า การสูญเสียที่อยู่อาศัย และสัตว์เหยื่อหมดไป

การที่บอบแคตมีอุ้งตีนเล็กและขนรอบอุ้งตีนน้อย ประกอบกับขาค่อนข้างสั้น ทำให้เป็นอุปสรรคในการดำรงชีวิตในพื้นที่ที่มีหิมะปกคลุมหนา เขตกระจายพันธุ์ของบอบแคตจึงแพร่ไปทางเหนือสุดได้เพียงตอนใต้ของแคนาดาเท่านั้น ในขณะที่ลิงซ์แคนาดาซึ่งมีสรีระเอื้อต่อการใช้ชีวิตในทุ่งหิมะดีกว่า แพร่ไปทางเหนือได้ไกลกว่า จากการสำรวจพบว่าบอบแคตจะเริ่มเคลื่อนที่ลำบากหากมีหิมะหนากว่า 15 เซนติเมตร 

อุปนิสัย

บอบแคตหากินโดยลำพัง รักสันโดษ ปรับตัวเข้ากับแหล่งที่อยู่อาศัยได้แทบทุกชนิดแม้แต่พื้นที่ ๆ มีการรบกวนจากมนุษย์ หากินได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ส่วนใหญ่ออกหากินเวลารุ่งสางและพลบค่ำ ในฤดูหนาวจะมีแนวโน้มออกหากินเวลากลางวันมากขึ้น เป็นสัตว์หากินบนพื้นดินเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ปีนต้นไม้ได้ดีและว่ายน้ำเก่งมาก 

กินอาหารได้หลากหลายมาก ตั้งแต่หนู สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตัวเล็ก ๆ นก ไข่ กบ สัตว์เลื้อยคลาน รวมถึงสัตว์เลี้ยงในฟาร์มและซากสัตว์ แม้จะมีขนาดเล็กแต่ก็เก่งกาจพอที่จะล่าสัตว์ใหญ่อย่างกวางได้ 

แม้นิสัยการล่าสัตว์ไม่เลือกของบอบแคตจะเป็นผลเสียต่อชาวไร่ปศุสัตว์ แต่ก็ถือว่าแมวชนิดนี้มีประโยชน์ต่อเกษตรกรมากกว่าโทษ เพราะเหยื่อส่วนใหญ่ของบอบแคตเป็นพวกหนูและกระต่ายป่าซึ่งสร้างความเสียหายให้เกษตรกรมากกว่า 

แม้จะตัวเล็กกว่าลิงซ์แคนาดา แต่บอบแคตดุร้ายกว่า และถึงกับขับไล่ลิงซ์ได้ ในพื้นที่ที่แมวสองชนิดนี้อาศัยอยู่ร่วมกัน บอบแคตมักเป็นฝ่ายเอาชนะและเข้าครองพื้นที่ได้

บอบแคตตัวผู้มีอาณาเขตหากินครอบคลุมพื้นที่ของตัวเมียหลายตัว และพื้นที่ของตัวผู้แต่ละตัวมักซ้อนเหลื่อมกัน ตัวผู้และตัวเมียจะพบปะกันเฉพาะในฤดูผสมพันธุ์เท่านั้นซึ่งอยู่ในช่วงเดือนธันวาคมถึงเมษายน โดยจะเริ่มตั้งแต่พื้นที่ละติจูดต่ำขึ้นไป แมวที่มีอาณาเขตของตัวเองเท่านั้นที่จะตั้งท้องได้ ตัวผู้ตัวหนึ่งจะจับคู่กับตัวเมียมากกว่าหนึ่งตัว แต่ตัวเมียตัวหนึ่งมักจับคู่กับตัวผู้เพียงตัวเดียว ความหนาแน่นประชากรบอบแคตผันแปรตามความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์เหยื่อในพื้นที่ ซึ่งอยู่ในช่วงตั้งแต่หนึ่งตัวต่อ 12.8 ตารางกิโลเมตรจนถึงมากกว่าเจ็ดตัวต่อ 2.5 ตารางกิโลเมตร

ชีววิทยา

โดยปกติบอบแคตผสมพันธุ์ได้ตลอดทั้งปี แต่ในบางพื้นที่จะผสมพันธุ์ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมิถุนายน ติดสัดนานครั้งละ 5-10 วัน คาบการเป็นสัด 44 วัน บอบแคตตัวเมียตั้งท้องนาน 50-70 วัน ออกลูกครั้งละ 1-8 ตัว ส่วนใหญ่อยู่ที่ 2-4 ตัว แม่บอบแคตออกลูกในรังที่อาจเป็น โพรงไม้ เชิงผา หรือพุ่มไม้ทึบ ลูกแมวแรกเกิดมีลายจาง ๆ บนหลังและข้างลำตัว และมีริ้วลายบนหน้าซึ่งจะจางลงเมื่ออายุมากขึ้น ลูกแมวมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นวันละ 25 กรัม ตาเปิดได้เมื่ออายุ วัน หย่านมเมื่ออายุได้ 12 สัปดาห์ เมื่ออายุได้ห้าเดือนก็จะพร้อมที่จะเรียนรู้การล่าเหยื่อจากแม่แล้ว ลูกแมวจะอยู่กับแม่จนถึงฤดูผสมพันธุ์ถัดไปจึงจะแยกออกไปหากินด้วยตัวเอง บอบแคตหนุ่มจะเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุได้สองปี ส่วนแมวสาวจะเป็นสาวเร็วกว่า เพียงขวบเดียวก็พร้อมจะเป็นแม่แมวได้แล้ว แมวหนุ่มต้องเดินทางไกลเพื่อหาอาณาเขตของตัวเอง ส่วนตัวเมียมักเลือกอาณาเขตใกล้เคียงกับกับอาณาเขตของแม่ บอบแคตในธรรมชาติมีอายุ 12-13 ปี ส่วนในแหล่งเพาะเลี้ยงเคยพบว่าอยู่ได้นานถึง 33 ปี

การเพาะเลี้ยงบอบแคตทำได้ยาก บอบแคตในแหล่งเพาะเลี้ยงมักไม่ผสมพันธุ์ ซึ่งเป็นปัญหาสามัญที่พบในแมวป่าขนาดเล็กชนิดอื่นด้วย สาเหตุอาจเป็นเพราะสถานที่ที่ไม่เป็นส่วนตัว มีการรบกวนจากมนุษย์ เสียง และสิ่งอื่น ๆ มาก ซึ่งไม่ถูกกับนิสัยรักสันโดษของบอบแคต

ภัยคุกคาม

การที่บอบแคตเป็นแมวขนสวยงามเป็นการนำภัยมาสู่ตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หนังบอบแคตเป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาดขนสัตว์ ช่วงทศวรรษ 1950 และ 1960 จำนวนบอบแคตที่ถูกฆ่าในสหรัฐอเมริกามีประมาณ 10,000 ตัวต่อปี ตัวเลขนี้ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงทศวรรษ 1970 ก็ขยับขึ้นเป็น 44,000 ตัวต่อปี และในทศวรรษ 1980 ก็พุ่งขึ้นสูงถึง 90,000 ตัวต่อปี ส่วนในแคนาดามีรายงานว่าบอบแคตถูกมนุษย์ล่าระหว่าง พ.ศ. 2519-2526 เฉลี่ยปีละ 3,293 ตัว

นับจาก พ.ศ. 2531 ความต้องการขนบอบแคตลดลง เนื่องจากตลาดขนสัตว์ซบเซาลง ประกอบกับการที่ยุโรปซึ่งเป็นตลาดขนสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดมีกฎหมายเข้มงวด แม้ปัจจุบันการค้าขนสัตว์ยังคงดำเนินอยู่แต่ก็อยู่ในการควบคุม 

อย่างไรก็ตาม ภัยคุกคามบอบแคตที่ร้ายแรงยิ่งกว่าการล่าเพื่อค้าขนก็คือการที่แหล่งที่อยู่อาศัยถูกแบ่งออกเป็นส่วนไม่ต่อเนื่องกัน การสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัย และการไล่ล่าโดยเกษตรกร โดยเฉพาะในเมกซิโกซึ่งถือว่าบอบแคตเป็นจำเลยอันดับหนึ่งที่ทำร้ายฝูงแกะเลี้ยง

สถานภาพ

ในทศวรรษ 1980 หน่วยงานด้านสัตว์ป่าของสหรัฐอเมริกาได้ประเมินจำนวนประชากรของบอบแคตตัวเต็มวัยไว้ที่ประมาณ 725,000-1,000,000 ตัว ประชากรบอบแคตมีจำนวนลดลงในตอนตะวันออกของสหรัฐอเมริกา เนื่องจากการขยายถิ่นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ การแผ้วถางป่าเพื่อทำการกสิกรรม ส่วนที่อยู่ในแคนาดายังคงพบได้มากและไม่ถูกคุกคามมากนัก

ในสหรัฐอเมริกา มี 10 รัฐที่กฎหมายคุ้มครองบอบแคต ในแคนาดามีการควบคุมการล่า ในเมกซิโกมีการควบคุมใน รัฐ และยอมให้มีการยิงหากเห็นว่าเป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยง ไอยูซีเอ็นประเมินสถานภาพประชากรไว้ในระดับไม่ถูกคุกคาม (2551) ไซเตสจัดบอบแคตไว้ในบัญชีหมายเลข 2

Lynx rufus
ชื่อไทยบอบแคต
ชื่อวิทยาศาสตร์Lynx rufus
ชั้นMammalia
อันดับCarnivora
วงศ์Felidae
วงศ์ย่อยFelinae
สกุลLynx

ข้อมูลอ้างอิง

  • http://www.canuck.com/iseccan/bobcat.html
  • http://dialspace.dial.pipex.com/agarman/bobcat.htm
  • http://lynx.uio.no/catfolk/rufus-01.htm

เขียนโดย วิมุติ วสะหลาย (wimut@hotmail.com) เผยแพร่ : 30 ส.ค. 64 แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ส.ค. 64

Powered by Wimut Wasalai