เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2559 ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า ขณะนี้เต่ายูนิฟอร่า ซึ่งเป็นเต่าจากมาดากัสการ์  มีชื่ออยู่ในบัญชีหมายเลข 1 และจัดเป็นเต่าที่หายากที่สุดในโลก มีมูลค่าสูงมาก จำนวน 6 ตัว และเต่าดาวรัศมีหรือเต่าเรคิเอตา เต่าที่มีกระดองสวยเหมือนแฉกดาว จำนวน 72 ตัว ได้หายไปจากสถานีเพาะเลี้ยงนกน้ำบางพระ ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

นายอดิศร นุชดำรงค์ รองอธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวว่า เต่ายูนิฟอร่าและเต่าเรคิเอต้า ได้หายไปจริงตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยเต่ายูนิฟอร่า ที่หายไปมี 6 ตัว เป็นตัวใหญ่ อายุประมาณ 10 ปี ขนาด 12 นิ้ว จำนวน 1 ตัว ราคาตัวละประมาณ 1-2 ล้านบาทและตัวเล็กอายุประมาณ 3-4 ปี ขนาด 6 นิ้ว จำนวน 5 ตัว ราคาตัวละประมาณ 2 แสนบาท กับเต่าเรคิเอต้า 72 ตัว มีราคาตัวละตั้งแต่ 3,000 - 10,000 บาท เต่าทั้ง 2 ชนิดที่หายไปมีมูลค่ารวมกันกว่า 3 ล้านบาท ที่สำคัญ เต่ายูนิฟอรา จัดเป็นเต่าบกหายากที่สุดของโลกและอยู่ในบัญชีหมายเลข 1 ของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส) ด้วย ปัจจุบันเหลืออยู่ในธรรมชาติไม่ถึง 400 ตัวเท่านั้น เต่าชนิดนี้เป็นที่ต้องการในตลาดสัตว์เลี้ยงเพราะมีกระดองสวยงาม ส่วนเต่าราดิอาตา  ปัจจุบันถูกจัดอยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์ เนื่องจากถูกล่าอย่างหนัก โดยขณะนี้ได้แจ้งความไว้แล้วที่ สภ.ศรีราชา

นายอดิศร กล่าวต่อว่า เรื่องเต่าหายได้รายงานให้อธิบดีกรมอุทยานฯ และพล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรฯ ทราบแล้วและพล.อ.สุรศักดิ์ ได้สั่งการให้เร่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว เพราะเป็นเรื่องสำคัญ เต่ายูนิฟอรา เป็นเต่าของกลางที่ยึดมาได้และนำมาเลี้ยงที่สถานีฯ ที่ผ่านมาประเทศมาดากัสการ์ เคยมาขอคืนจากประเทศไทยเพื่อนำกลับประเทศซึ่งสามารถทำได้ตามอนุสัญญาไซเตส 




ด้านนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวว่า ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้วโดยให้สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า เป็นคนตั้งเรื่องขึ้นมาและได้เสนอให้ย้ายหัวหน้าสถานีเพาะเลี้ยงนกน้ำบางพระ ออกจากพื้นที่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริงด้วย เพราะที่ผ่านมามีสัตว์หายไป 2-3 ครั้งแล้ว
ขณะที่นางเตือนใจ นุชดำรงค์ ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กล่าวว่า ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงซึ่งมีกรรมการจากหลายสำนักทั้งสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักป้องกันฯ เป็นต้น ขึ้นไปให้อธิบดีกรมอุทยานฯ แล้ว

วันเดียวกันนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯ ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายหัวหน้าอุทยานฯ จำนวน 4 ตำแหน่ง ประกอบด้วยนายก้องไมตรี เทศสูงเนิน เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์(สบอ.) 13(แพร่) เป็นหัวหน้าอุทยานฯ แม่ยม จ.แพร่ - ลำปาง นายวชิรศักดิ์ นาควัฒนเศรษฐ์ หัวหน้าอุทยานฯ ต้นสักใหญ่(คลองตรอน) จ.อุตรดิตถ์ เป็นหัวหน้าอุทยานฯ น้ำตกชาติตระการ จ.พิษณุโลก นายมีเดช  พงศ์จันทรเสถียร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จ.ชัยภูมิ เป็นหัวหน้าอุทยานฯ ต้นสักใหญ่(คลองตรอน) จ.อุตรดิตถ์ นายธานี วงศ์นาค นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ สบอ.14(ตาก) เป็นหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จ.ชัยภูมิ

ขณะที่นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับ 8(ผอ.สำนัก) จำนวน 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วยนายมานพ สายอุ่นใจ เจ้าพนักงานป่าไม้อาวุโส เป็น ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 สาขาแม่ฮ่องสอน นายนิทรรศ เวชวินิจ นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ เป็น ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 3 สาขาแพร่ นายประชัญ คำมาบุตร นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ เป็น ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 4 สาขานครสวรรค์ นายบุญลาภ สุกใส นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ เป็น ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 4 สาขาพิษณุโลก และนายธนัช เนมีย์ นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ เป็น ผอ.ส่วนอำนวยการ สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า